วิธีการทานเอมมูร่าเซซามิน ในหนึ่งเมล็ดงานั้นมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบถึง 70% ซึ่งถือเป็นส่วนที่ดีที่สุดในเมล็ดงาดำ ให้สรรพคุณบำรุงทั้งหัวใจ สมอง ตับ ไต อวัยะระบบสืบพันธุ์ และระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังช่วยในการขับถ่ายสารพิษออกจากเซลล์และร่างกาย ด้วยเหตุนี้งาดำจึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคอื่นๆร่วมด้วย โดยมักใช้เป็นอาหารเสริมหลัก ถ้าจะใช้เป็นลักษณะของอาหารเสริมสุขภาพ 2,000 ถึง 10,000 มิลลิกรัมจึงจะเหมะสม ถ้าจะใช้ให้มีผลทางการรักษาต้องกินประมาณ 4,000 ถึง 12,000 มิลลิกรรม ต่อวันถึงจะรักษาได้ผลดี โดยสามารถกินร่วมกับอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะยาแผนปัจจุบัน โดยมิได้เสริมการรักษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาผลข้างเคียงจากการใช้ยาแผนปัจจุบัน ทั้งยังปกป้องและเร่งการขับสารพิษที่เกิดจากการรับประทานยาอีกด้วย
วิธีทานเอมมูร่าเซซามิน
วิธีทานเอมมูร่าเซซามินสำหรับผู้ป่วยที่รับประทานเพื่อผลการรักษาโรค เมื่ออาการของโรคบรรเทาลงหรือหายไปก็ไม่ควรงดรับประทาน แต่ให้ลดปริมาณลงมาเป็นแบบอาหารเสริม คือ 1,000 มิลลิกรัมถึง 2,000 มิลลิกรัม 1-2 ครั้งต่อวัน เพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันมิให้อาการเดิมกลับมาเป็นอีก เพราะถ้าหยุดกินหลังจากอาหารหายไป ร่างกายอาจจะกลับไปในสภาวะขาดกรดไขมันจำเป็นเซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบื้องต้นได้
เมื่อมีการเริ่มรับประทาน โดยเฉพาะในปริมาณที่สูง ร่างกายอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในระยะหนึ่งซึ่งมิได้หมายความว่าเราไม่ถูกหรือมีอาการแพ้ โดยอาการก็อย่างเช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ มึนหัว คัน ง่วงนอน และอ่อนเพลีย อาการเหล่านี้อาจจะเป็นเพราะร่างกายพยายามขับพิษหรือปรับตัว เรียกว่า อาการขับพิษแรกรักษา ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของอาหารเสริมตัวใหม่ที่เรานำเข้าไปในร่างกาย
หลักในการทานเอมมูร่าเซซามิน
เริ่มต้นน้อยๆ ประมาณ 1- 2 แคปซูลต่อวัน เพื่อดูอาการขับพิษแรกรักษา ประมาณ 1-3 วัน
จากนั้นเพิ่มเป็น 2-2 ก่อนอาหาร 30 นาที เช้าและเย็น
กรณีที่เป็นโรครุณแรง เช่น มะเร็ง ไต เบาหวาน ความดัน โรคทางสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ข้อเสื่อม แนะนำให้ทาน 2-2-2 เช้า กลางวัน เย็น หรือ 2-2-2-2 เช้า กลางวัน เย็นและก่อนนอน หรืออาจจะเพิ่มได้ตามการพิจารณา
ในกรณีที่เกิดการชับพิษ ซึ่งมักเป็นอาการของโรคนั้นๆ อยู่ เช่น ปวดมากขึ้น ท้องเสีย ผื่นขึ้น หรือเป็นไข้ ให้ทานน้อยลงประมาณครึ่งนึง เช่นเดิม ทาน 2-2 ก็ลดลงเหลือ 1-1 ตามลำดับ ดื่มน้ำมากขึ้น เช็ดตัวเพื่อระบายความร้อน การขับพิษมักเกิดขึ้น ไม่เกิน 3-5 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ถ้ายังเป็นอยู่ให้หยุดไว้ก่อน ที่สำคัญต้องบอก หรือให้ข้อมูลมาด้วยว่า กินร่วมกับอาหารเสริมตัวใดบ้าง

อาการขับพิษแรกรักษา
ปฏิกิรยาผ่อนคลาย ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียส่วนใหญ่จะพบอาการนี้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อน เนื่องจากเกิดการสูญเสียสมดุลของร่างกายไปชั่วขณะหนึ่งเนื่องจากอวัยวะที่เกิดโรคได้ฟื้นตัวขึ้นมาเป็นการซ่อมแซมอวัยวะนั้นๆ
ปฏิกิริยาอ่อนไหว ท้องผูกท้องเสีย อาการเจ็บปวด บวม เหงื่อออก พบได้ประมาณ 20% มักจะเกิดกับคนที่มีโรคเรื้อรังอยู่ในร่างกายผลิตภัณฑ์จะเข้าไปต่อสู้กับโรค ทำให้โรคปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการสะท้อนกลับของร่างกาย เป็นการขับถ่ายของเสียต่างๆออกจากร่างกาย
ปฏิกิริยาขับทิ้ง เกิดอาการเห่อ เป็นผื่นคัน ลมพิษ ปัสาวะ อุจจาระเปลี่ยนสี เกิดจากผลของการรักษาทำให้มีการสลายของเนื้อเยื่อหรือที่เก็บสะสมสารพิษไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกายและขับของเสียกับสิ่งตกค้างต่างๆออกมา
ปฏิกิริยาฟื้นตัว เกิดอาการไข้ อาเจียน ปวดท้อง เป็นอาการที่ปวดขึ้นมา เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตฟื้นตัว ทำให้สารพิษที่อุดตันการไหลเวียนโลหิตถูกขับออกมาในกระแสเลือด
ไม่มีอาการใดๆ บางคนไม่มีอาการใดๆ หรือมีน้อยมาก แล้วหายไปโดยไม่รู้ตัว และอาจจะไม่รู้สึกถึงการตอบสนองใดๆ แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น
ในทางการแพทย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการพบว่ามีผู้แพ้เมล็ดงาดำจากการบริโภค ยกเว้น เมล็ดงาดำนั้นมีสารปนเปื้อนหรือมีเชื้อรา ซึ่งนำไปสู่การก่อโรคในอนาคต เพราะงาดำ มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระสูงจึงทำให้เกิดปฏิกิริยากับอากาศ น้ำ และแสงสูง
งาดำในรูปแคบซูลนั้น ส่วนใหญ่แคบซูลจะเป็นเจลาติน ที่สามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาชีวภาพกับน้ำ อากาศ และแสง โดยสามารถคงสภาพอยู่ได้ เสถียรด้านคุณค่าทางโภชนาการและการแพทย์ได้ 2 ปี ในอุณหภูมิต่ำคงที่ และไม่จำเป็นต้องเก็บในที่เย็น แต่ถ้าอุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเซลเซียส ตัวแคปซูบอาจมีความหนึดเพิ่มขึ้นจนเกาะตัวกันเมื่อนำไปไว้ในตู้เย็นก็จะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ผลิตภัณฑ์จากงาดำ เป็นธัญพืชที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณประโยชน์มายาวนาน แต่งาดำมีโครงสร้างที่แข็งแรง จึงยากต่อการย่อยในระบบทางเดินอาหาร หากซื้อหาที่คั่วและป่นแล้วมารับประทานก็เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อรา ดังนี้นการรับประทานงาดำให้ได้ประโยชน์ควรทานในรูป สารสกัด จะดีต่อสุขภาพมากกว่า และจากงานวิัจัยมากมาย สารสำคัญในงาที่ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาได้แก่ สารเซซามิน ซึ่งมีคุณสมบัิติเต้านการอักเสบ ลดการสื่อมสลายจองกระดูกอ่อน ช่วยเพิ่มมวลกระดูก เสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับ และระบบประสาท ทั้งยังกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสังเคราะห์คอลลาเจน และกรดไฮยาลูโรนิกที่ช่วยให้ผิวหนังยึดหยุ่นเต่งตึงมากขึ้นด้วย
เช่นนี้แล้ว…. เราจะเลือกทานยาเมื่อเจ็บป่วย หรือ ทานเอมมูร่าเซซามินสารสกัดจากงาดำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาคุกคามเรากันนะคะ